วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
1.จงอธิบายความหมายของเครือข่ายมามาพอเข้าใจ
“เครือข่าย” หมายถึง
การประสานงานรูปแบบหนึ่งที่โยงใยการทำงานของกลุ่มบุคคล หรือ องค์กรหลายองค์กร ซึ่งมีทรัพยากร
มีเป้าหมาย มีกลุ่มสมาชิกของตนเอง ที่มีความคิด มีปัญหา
มีความต้องการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเหมือนกันหรือคล้ายกัน
มาติดต่อประสานงานหรือร่วมกันทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาหรือสนองความต้องการในเรื่องนั้นๆ
โดยยึดหลักการทำงานร่วมกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน เคารพซึ่งกันและกัน
มากกว่าการเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้มีอำนาจสั่งการ
2.จงอธิบายความหมายคำว่าอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ ที่มีสายตรงเชื่อมต่อไปยังสถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก.
ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ
รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้. อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า
อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ
แต่ละประเทศจะต้องมีถนนเข้ามาเชื่อมต่อเข้าไปในประเทศ กล่าวคือ
จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง (เช่น เครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย, องค์กร
หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) มิฉะนั้นก็จะใช้ไม่ได้ผล
3.จงเขียนอธิบายรูปแบบการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้
3.1 แบบดาว
คอมพิวเตอร์แต่ละตัวถูกเชื่อมต่อด้วยสื่อส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ควบคุมกลาง (central
controller) ที่เรียกว่า ฮับ (hub) ซึ่งตามรากศัพท์คำว่า
ฮับ จะหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะเป็นดุมล้อ
ฮับจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนข้อมูล
นั่นคือการรับส่งข้อมูลทั้งหมดจะต้องผ่านฮับเสมอ
3.2แบบวงแหวนเป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย
เป็นรูปวงแหวนหรือแบบวนรอบ โดยสถานีแรก เชื่อมต่อกับสถานีสุดท้าย
การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายจะต้องผ่านทุกสถานี โดยมีตัวนำข่าวสาร
วิ่งไปบนสายสัญญาณ ของแต่ละสถานี ต้องคอยตรวจสอบข้อมูลที่ส่งมา ถ้าไม่ใช่ของตนเอง
ต้องส่งผ่านไปยังสถานีอื่นต่อไป ตัวอย่างเช่น การเชื่อมต่อของ IBM Token Ring ที่ต้องมีตัวนำข่าวสาร
หรือ Token นำข่าวสารวิ่งวนไปรอบสายสัญญาณหรือ Ring แต่ละสถานีจะคอยตรวจสอบ Token ว่าข่าวสารที่นำมาด้วยเป็นของตนหรือไม่
ถ้าใช่ก็จะรับข่าวสารนั้นไว้ แล้วส่ง Token ให้สถานีอื่นใช้ต่อไปได้
3.3 แบบบัสเป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องบนสายสัญญาณหลักเส้นเดียว
ที่เรียกว่า BUS หรือ TRUNK ที่ปลายทั้งสองด้านปิดด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Terminator ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องใด เครื่องหนึ่ง เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์เครื่องใดหยุดทำงาน ก็ไม่มีผลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย
การรับส่งสัญญาณบนสายสัญญาณต้องตรวจสอบสายสัญญาณ BUS ให้ว่างก่อน จึงจะสามารถส่งสัญญาณไปบนสาย BUS ได้
3.4แบบทรีหรือแบต้นไม้
เป็นแบบที่ดัดแปลงมาจากแบบดาว แต่ใช้ฮับหลายตัว
มีฮับตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็นฮับศูนย์กลาง
มีฮับอื่นต่อเชื่อมมายังฮับศูนย์กลางเรียกว่า ฮับทุติยภูมิ ( secondary hub ) ฮับแต่ละตัวมีอุปกรณ์ต่อเชื่อมเข้ามา
โดยทำหน้าที่ควบคุมการรับส่งข้อมูลภายในกลุ่มของอุปกรณ์ที่ฮับนั้น ๆ รับผิดชอบ
ดังรูปที่ 2.7 ฮับศูนย์กลางเป็นแบบแอ็กทีฟฮับ
( Active hub) คือเป็นฮับที่ทำหน้าที่เป็นรีพีตเตอร์
( repeater ) รีพีตเตอร์เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่สร้างสัญญาณใหม่
หลังจากที่ได้รับข้อมูลในรูปของบิตเข้ามาก่อนที่จะส่งออกไปในสายใหม่
รีพีตเตอร์ทำให้สัญญาณมีระดับของสัญญาณแรงขึ้น
และทำให้ส่งข้อมูลไปได้ในระยะไกลขึ้น
ส่วนฮับทุติยภูมิเป็นแบบแอ็กทีฟฮับหรือพาสซีฟฮับ ( passive hub ) พาสซีฟฮับเป็นฮับธรรมดาที่ใช้ส่งต่อข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่นเท่านั้น
พาสซีฟฮับมีวงจรภายในที่ประกอบไปด้วยตัวต้านทาน( resister) คอยควบคุมวงจรการรับส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น
4.จงอธิบายความหมายของคำศัพท์ต่อไปนี้
1.โมเด็ม (Modem)
โมเด็มเป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตัล
เมื่อข้อมูลถูกส่งมายังผู้รับละแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นแอนะล็อก
เมื่อต้องการส่งข้อมูลไปบนช่องสื่อสาร กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก
เรียกว่า มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทำหน้าที่ มอดูเลเตอร์ (Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก
ให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณดิจิตัล เรียกว่า ดีมอดูเลชัน (Demodulation) โมเด็มหน้าที่
ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator)โมเด็มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมี 2 ประเภทโมเด็กในปัจจุบันทำงานเป็นทั้งโมเด็มและ
เครื่องโทรสาร เราเรียกว่า Faxmodem
2. การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN
3. เกตเวย์ (Gateway)
4. เราเตอร์ (Router)
5. บริดจ์ (Bridge)
6. รีพีตเตอร์ (Repeater)
7. สายสัญญาณ
-สาย Coax มีลักษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทัศน์ ส่วนมากจะเป็นสีดำสายชนิดนี้จะใช้กับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้จะต้องใช้ตัว T Connector สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกับการ์ด LAN ต่างๆในระบบ
และต้องใช้ตัว Terminator ขนาด 50 โอห์ม สำหรับปิดหัวและท้ายของสาย
-สาย UTP (Unshied Twisted
Pair) เป็นสายสำหรับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ RJ-45 สามารถส่งสัญญาณได้ไกล
ประมาณ 100 เมตร
หากคุณใข้สายแบบนี้จะต้องเลือกประเภทของสายอีก โดยทั่วไปนิยมใช้กัน 2 รุ่น คือ CAT 3 กับCAT5 ซึ่งแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสัญญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ 100 Mbps แนะนำว่าควรเลือกแบบ CAT 5 เพื่อการอัพเกรดในภายหลังจะได้ไม่ต้องเดินสายใหม่ ในการใช้งานสายนี้ สาย 1 เส้นจะต้องใช้ตัว RJ - 45
Connector จำนวน 2 ตัว เพื่อเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสายสัญญาณจากการ์ด LAN ไปยังฮับหรือเครื่องอื่น
เช่นเดียวกับสายโทรศัพท์ ในกรณีเป็นการเชื่อมต่อเครื่อง 2 เครื่องสามารถใช้ต่อผ่านสายเพียงเส้นเดียได้แต่ถ้ามากกว่า 2 เครื่อง
ก็จำเป็นต้องต่อผ่านฮับ
เป็นอุปกรณ์ช่วยกระจ่ายสัญญาณไปยังเครื่องต่างๆที่อยู่ในระบบ
หากเป็นระบบเครือข่ายที่มี 2 เครื่องก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับสามารถใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อ
ถึงกันได้โดยตรง แต่หากเป็นระบบที่มีมากกว่า 2 เครื่องจำเป็นต้องมีฮับเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลาง
ในการเลือกซื้อฮับควรเลือกฮับที่มีความเร็วเท่ากับความเร็ว ของการ์ด เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใช้ฮับที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ด้วย
ควรเป็นฮับที่มีจำนวนพอร์ตสำหรับต่อสายที่เพียงพอกับ เครื่องใช้ในระบบ หากจำนวนพอร์ตต่อสายไม่เพียงพอก็สามารถต่อพ่วงได้ แนะนำว่าควรเลือกซื้อฮับที่สามารถต่อพ่วงได้ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
5. จงอธิบายความหมายของคำศัพท์ต่อไปนี้มาพอเข้าใจ
5.1 LAN
คือ
เป็นคำย่อของคำว่า Local Area Network เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เฉพาะกลุ่ม
เช่น การต่อเชื่อมโยงกันในกลุ่มไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกัน
หรือในห้องเดียวกัน
5.2 WAN
คือ
เครือข่ายการสื่อสารบริเวณกว้าง
5.3 Frame Relay
การออกแบบสื่อสารโทรคมนาคมสำหรับประสิทธิภาพต้นทุนการส่งผ่านสำหรับการจราจรเป็นช่วงระหว่างเครือข่ายพื้นที่ท้องถิ่น
และระหว่างจุดปลายในเครือข่ายพื้นที่กว้าง
5.4 Ethernet
คือ เป็นเทคโนโลยีสำหรับเครือข่ายแบบแลน
ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
5.5 Internet
คือ
คำย่อของคำว่า internetwork เป็นระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์เครือข่ายหนึ่ง
ซึ่งติดต่อเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายใหญ่ด้วย gateway ทำให้สามารถส่งผ่านข้อมูลสารสนเทศ
และข่าวสารถึงกันได้อย่างกว้างขวาง
5.6 Protocol
คือ
ชุดของกฎ หรือรูปแบบมาตรฐานซึ่งกำหนดขึ้นพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกัน
เพื่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศ (Information) ซึ่งกันและกันได้
5.7 Fiber optic
คือ
วิธีการถ่ายทอดลำแสงไปตามสายใยแก้ววิธีหนึ่งลำแสง เช่น ลำแสงเลเซอร์
สามารถเป็นพาหะของสารสนเทศหรือข้อมูล พาข้อมูลไปสู่จุดหมายปลายทางได้
5.8 ATM
คือ Asynchronous Transfer Mode เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบสำหรับส่งผ่านข้อมูล
ภาพ และ เสียง ด้วยความเร็วสูง
5.9 VPN
คือ Virtual Private Network เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายนอกอาคาร
6. จงเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกียวข้องกับระบบเครือข่ายมา 20 คำพร้อมอธิบายความหมายและคำอ่านภาษาอังกฤษ
1.
ADDRESS
7.
BROSWER
13.
DOWNLOAD
19.
Fast Ethernet
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)